
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูคลิปลุงโฉลกมาก ประทับใจวิธีพูด เคล็ดลับที่แสนง่าย การนำเสนอวิธีการหาจังหวะเข้าเทรดแบบง่ายๆ เอาไปใช้ได้จริงตลอดเวลา
เมื่อมีโอกาสศึกษาอีเลียตเวฟก็พบว่าคลิปสั้นๆที่ท่านเคยแชร์หลายคลิปนั้น ท่านได้แทรกเคล็ดดีๆที่ช่วยให้เราเข้าใจวิธีการนับคลื่นได้ดีขึ้น เช่นดู RSI แท่งเทียน gap ประกอบ ซึ่งสังเกตุไม่ยาก สามารถเอาไปประยุกต์ใช้หาหุ้นได้ทันที
ที่สำคัญ ผมสังเกตุพบว่าทุกคลิปได้แทรกความรู้ในการ label เวฟได้ดีมากๆ เพราะผมชอบสังเกตุการใส่หมายเลขเวฟในกราฟที่ท่านยกมาเป็นเคส เหล่านี้แหละจะเป็นตัวช่วยไกด์ให้มือใหม่(อย่างผม)แกะรอยการนับเวฟได้ดีขึ้น
________________________________________________________________________________

ก่อนที่จะถึงคลิป ขอยกเอา Elliott wave ฉบับย่อมาให้อ่านเอาภาพใหญ่กันก่อน
(ผมคัดลอกเอามาจากกระทู้ของคุณม้าเฉียว จากเว็บดูหุ้น นะครับ) ขอแสดงความขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ซึ่งเสียดายที่ภาพประกอบไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
กฏของ Elliott wave ที่ลุงใช้มีอยู่แค่ 2 ข้อ คือ
1. Wave 3 ต้องไม่สั้นที่สุด และ
2. Wave 4 ต้องไม่ต่ำกว่า Wave 1
นอกจากนั้นก็มีข้อสังเกตุอีกไม่กี่ข้อ
1. Wave 1 มักจะประกอบด้วย 3 sub-waves,
2. Wave 2 มักจะลงยาวเป็น A-B-C ชัดเจน และ
3. Wave 4 ลงเร็วแล้วต่อด้วย Sideway sub-waves 1-2 ของ Wave 5
Elliott wave ประกอบด้วย 2 ส่วนที่สำคัญเสมอ คือ
1. Pattern Recognition (คือ ขาขึ้นมี 5 Wave 1-2-3-4-5 ขาลงมี 3 Wave A-B-C) และ
2. Fractals เป็นการกำหนด Degree (แบ่งความลึกลงได้ 7 ระดับ ตามภาพด้านล่าง) ซึ่งคนส่วนมากจะพลาดที่ตรงนี้มากที่สุด
ส่วนวิธีนับแบบละเอียดก็ตามด้านล่างเลยครับ ส่วนใหญ่ก็รวบรวมมาจากวิธีที่คุณลุงโฉลกสอน + ที่อื่นๆ อีกนิดหน่อย + สรุปจากประสบการณ์การนับ wave ของตัวเองด้วยครับ มีดังนี้
- ยอด RSI แต่ละรอบจะอยู่ที่ 3 กับ B (ของรอบใหญ่) เสมอ
- เพราะฉะนั้นการจบ 5, Peak อยู่ที่ 3 เกิด Convergence แล้ว Crash เป็น A-B-C
- กรณีจบรอบใหญ่ (การจบ A-B-C, C จะต่ำกว่า A เยอะๆ เลย ตาม Fibo)
- จาก 5 ลงมา A เท่าไหร่ก็ได้ไม่มีกฎตายตัว แต่จาก 5 ลงมา A เด้งไป B = 61.8%
- (ถ้าเป้านั้นๆ เช่น 61.8% รับไม่อยู่ เป้าต่อไปจะเป็น Square root ของเป้าก่อนหน้า Ex. 61.8% => 78.6% => 88.6%)
- แล้วจาก A ไป B ลงมา C เท่ากับ 161.8, 261.8 ++ แล้วแต่ความแรงความ Panic sell
- ถ้าวัดจากฐาน 1 มายอด 5 ของการจบรอบใหญ่ Wave c มักจะลงลึกเท่ากับ 78.6%
- จาก 5 ลงมาจบที่ C แล้วเด้งไปที่ 1 = 61.8% (กรณีขึ้นรวดเดียวไม่ถึง ให้เอาก้านธง จาก 1 ย่อยกับ Prev.low มากำหนด Target ได้)
- Wave 1 มา 2 ไม่ใช่ Correction ใหญ่ ปกติจะลงมาที่ 38.2% แต่ส่วนมากไม่เกิน 50%
- Wave 1 จะไป 3 หรือ 5 อย่างต่ำต้องขึ้นไปอีก 161.8 (127.2 เป็นจุดพัก), ถ้า Bullish มากจะไปถึง 261.8 และ 423.6 ++
- (Step การขึ้นจะทะลุ 61.8 ขึ้นไปก่อนอย่างง่ายดาย ถึงจะไปที่ 161.8 ได้ ถ้าติดที่ 100% จะเป็น Double top ซึ่งเเป็นกรณีที่กิดขึ้นได้ยาก)
- Wave 3 มา 4 Correction อาจลงมาถึง 61.8% แต่ไม่เกิน 78.6%
- Wave 4 ลงไม่ถึงยอด Wave 1 เสมอ
- ความกว้างของ Correction A-B-C ของ Wave 5(เก่า) ไม่ควรยาวกว่า Correction a-b-c ของ Wave 3(ใหม่)
- เมื่อราคาไปถึงตามเป้าหมายแล้วให้ใช้ Momentum oscillator ช่วย ก็จะเห็น Bearish Convergence/Divergence
- ประกอบกับการเกิด Reversal signal (Price pattern/Candle stick) เพื่อระบุจุดเปลี่ยนเทรน
รายละเอียดเจาะลึกลงไปอีก เช่น
- sub wave 1-2 ของ wave 1 มักจะลงลึกที่ 78.6% เพราะ มันต่อมาจากการจบ Correction ใหญ่ คนยังไม่แน่ใจว่ารอบก่อนมันลงจบแล้วหรือยัง
- ส่วน sub wave 1-2 ของ wave 3 มักจะลงไม่ลึก เพราะขึ้นชื่อว่า wave 3 พวก smart money และอื่นๆ พร้อมเข้าใส่กันเต็มที่ คนอื่นๆ กลัวตกรถ ต้องรีบช้อน
- wave 5 เป็น wave ของแมงเม่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ แหกกฎได้หมดทุกอย่าง มั่วชั่ว อย่าไปสนใจมาก
กฎของลุงโฉลก
- Wave 3 ต้องไม่สั้นที่สุด และ Wave 4 ต้องไม่ต่ำกว่า Wave 1
- Wave 1 มักจะประกอบด้วย 3 sub-waves,
- Wave 2 มักจะลงยาวเป็น A-B-C ชัดเจน และ Wave 4 ลงเร็วแล้วต่อด้วย Sideway sub-waves 1-2 ของ Wave 5 อื่นๆ
- แต่ถ้า Wave 2 เกิด Complex คือไม่ลง a-b-c แล้วจบเลย แต่อาจเล่น sideway ยาวออกมา
- ใน Wave 4 มักจะไม่เกิด Complex เหมือน 2 (ถ้า Wave 2 simply, Wave 4 จะ Complex แทน)
- ตามทฤษฎี Wave 3 ต้องไม่ใช่คลื่นที่สั้นที่สุด และควรจะยาวครับ หากไม่ยาว คือมีขนาดพอๆกับ Wave 1 แล้ว Wave 5 มักจะเป็น extended wave 5 หรือมีการต่อคลื่น คือขึ้นคลื่นชุดย่อย(แต่ ใหญ่) ขยายความยาว Wave 5 ออกไปอีก
- ถ้า Wave B เด้งแรงมากแล้วขึ้นไปเกินกว่า Wave 5 ให้รีบถอนตัวโดยเร็วที่สุด (Wave C มหาโหดกำลังจะตามมา)
เพิ่มเติมตัวอย่าง จากที่คุณลุงโฉลกอธิบายใน CDC Articles: Feb 9, 2012 - Veto ดังนี้ครับ
1. Peak RSI จะตรงกับ Wave 3 ในระดับใดระดับหนึ่งเสมอ
2. Wave 3-4 มีลักษณะที่น่าสนใจมาก ตลาดจะเคลื่อนไหวเป็น Sideway movement (เกือบจะ) เสมอ กล่าวคือ Wave 3-4 จะตามมาด้วย Sub-Wave 1-2 ของ Wave 5 ซึ่ง Peak ของ Sub-Wave 1 จะต่ำกว่า Peak ของ Wave 3 และ Through ของ Sub-Wave 2 จะสูงกว่า Through ของ Wave 4 (เกือบจะ) เสมอ
3. ปลายของ Wave มักจะประกอบด้วย Diagonal Triangle โดยมี Wave 4 overlap Wave 1
4. Wave 3-5 มักจะเกิด Bearish C/D และ Sub-Wave 3-5 ของ Wave C มักจะเกิด Bearish C/D
"หา Chart Pattern ที่ชัดเจน Corrective Wave 3-4 จะตามมาด้วย Side way Sub-Wave 1-2 ของ Wave 5 เสมอCorrective Wave ที่ไม่ตามด้วย Sideway จะเป็น Either Wave 1-2 หรือจบ Wave 5"
________________________________________________________________________________
มาถึงคลิปที่ว่า........หลายคลิปเหล่านี้น่าจะเคยผ่านตาทุกคนมาหมดแล้วล่ะ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสะดุดและเอาไปใช้ประโยชน์ได้แค่ไหนเท่านั้นเอง มีดังนี้
- Uncle Chaloke SET Index 20150326 ท่านใช้ทฤษฎีอีเลียตเวฟมาเช็คว่า SET จะไปทางไหนต่อ โดยตั้ง scenario ที่แตกต่างกันเพื่อหาจุดที่ลงตัวและเป็นไปได้ที่สุด ซึ่งมันครบถ้วนมาในด้านของการใช้ทฤษฎีเวฟหลักมาตีความ เช่นเวฟสามต้องไม่สั้นที่สุด ถ้าสั้นกว่าเวฟหนึ่งแล้วเวฟห้าก็ต้องสั้นกว่า รวมทั้งการใช้ฟีโบนาชีมายืนยัน ผมจึงคิดว่าคลิปนี้เป็นประโยชน์มากๆสำหรับมือใหม่ที่ยังนับคลื่นไม่เป็น อาจดูยากหน่อย(ผมก็ยังงงอยู่) แต่ต้องดูหลายๆๆๆรอบเพื่อทำความเข้าใจให้ได้ในที่สุด
- เทคนิคการหาหุ้น Turnaround เป็นทริกการหาหุ้นที่เพิ่งหรือทำท่าจะจบเวฟสอง เพื่อเตรียมตัวทำเวฟสาม หลักการคือหาหุ้นที่ถูกขายต่อเนื่องยาวนานจนราคาลงมาถึงระดับฟีโบนาชี 61.8% (เหมือนกับท่านเน้นว่าถ้าราคาลงไม่ถึงระดับ 61.8% มันยังลงไม่จบเวฟสอง) แล้วก็มองหาสัญญาณการกลับตัว เช่น ดูการฟอร์มตัวของคลื่น หาสัญญาณ bullish divergence หรือแท่งเทียนแบบ contrary opinion ถ้าเจอก็ให้สัณนิษฐานว่ามันมีโอการ turnaround คือฟื้นตัวกลับไปขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง
- Chaloke.com Gold 20150113 ลุงยกเคสกราฟราคาทองคำ ที่มันมีสัญญาณเริ่มต้นที่ Momentum oversold แล้วตามด้วย bullish divergence พอราคาฟื้นตัวขึ้นมาทำ overbought ครั้งแรกลุงก็ label เวฟ 1 ของการขึ้นรอบใหม่ (ในกราฟแรก ถ้ามองให้ดี จะเห็นว่าตอนที่ลุงใส่เวฟ 1 ราคามันอยู่ที่ก้นของการทำ cup with handle ยักษ์ โดยที่เวฟฟนึ่งยักษ์หรือ super grand cycle มันทำจบลงไปแล้ว ส่วนที่เป็นยอดนั้นแหละคือขอบถ้วย - นี่เป็นพิมพ์นิยมของหุ้นซิ่งสิบเด้งของบ้านเราด้วย ลองเช็คกราฟหุ้นซิ่งในตำนานดูก็ได้)
จากนั้นลุงก็ชี้ให้ดูรูปแบบราคาปัจจุบัน ก็พบว่ามัน oversold แล้วตามด้วย bullish divergence อีกครั้ง แสดงว่ามันกำลังจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกแล้ว เมื่อขยายดู time frame ระยะสั้นกว่า ก็พบว่ามันทำคลื่นครบแล้วทั้งการนับเวฟและฟีโบนาชี
- คุณลุงโฉลกวิเคราะห์ทอง วันที่ 18 8 2015 ความน่าสนใจอยู่ที่วิธีการหาจุดสิ้นสุดของการลง ในกรณีที่กราฟหุ้นไม่สามารถบอกจุดเริ่มต้นได้ ลุงก็ใช้ Fibonacci projection จากยอดลงมาเพื่อดูเป้าระดับราคาที่มันมีนัยยะ นั่นก็คือ 161.8% ถ้ารับอยู่ก็จะเด้ง แต่ถ้าหลุดก็ต้องไปรอที่ 261.8%
ต่อมาลุงก็พูดถึงการเด้งในขาลง โดยให้ดูตอนที่โมเมนตัม oversold มี big black ต่อด้วยโดจิ แล้วเกิด bullish divergence ท่านบอกว่าราคาจะเด้งชั่วคราว เกิดเป็นคลื่นย่อย 1-2-3 ต่อไปถ้าอยากรู้ว่ามันจะเด้งไปได้ไกลแค่ไหนก็ใช้ standard error channel หาแนวต้าน
- หุ้นซิ่ง ไม่ลิ่งก็ฟลอร์ RS ใช้หลักการ contrary opinion คือ สังเกตุ big black หรือ gap ที่เกิดในช่วงโมเมนตัม oversold เพื่อหาจุดกลับตัว ซึ่งมันก็คือจุดสิ้นสุดของเวฟสอง นั่นเอง พอระบุจุดจบได้ก็ใช้ fibonacci projection ขึ้นไปเพื่อหาราคาเป้าหมาย
ถ้าสังเกตุตอนที่ราคาหุ้นทำ contrary opinion คือ RSI oversold+big black ลุงโฉลกท่านได้ใส่หมายเลขคลื่นคือเวฟ 2
- การหาหุ้นซิ่ง โดยลุงโฉลก เป็นการหาหุ้นที่จะวิ่งแรงๆโหดๆ โดยดู next degree wave ที่มันทำเวฟใหญ่ 1-2 ไปแล้ว แต่ไม่มีแรงขึ้นไปทำเวฟ 3 ได้ แต่กลับวนเวียนทำ 1-2 เล็กลงซ้ำแล้วซ้ำอีก จาก Super Grand Cycle ลงมา Grand Cycle ลงมา Major Wave เล็กลงๆ ซึ่ง(ผมคิดว่า)น่าจะคล้ายกับการทำ complex correction wave ประเภท double/tripple three (อันนี้ผมเดานะ) พอถึงเวลาที่มันระเบิดก็จะเป็นหุ้นซิ่ง
และยังมีอีกทริกที่ท่านแถมคือการลงของเวฟสองใหญ่จะอยู่ที่ระดับฟีโบ 78.6% หรือระหว่าง 61.8-78.6%
- Chaloke Sambandaraksa pttgc ถ้าสังเกตุการ label คลื่นในขา C ท่านใส่ตั้งแต่ 1 จนถึง 4 แล้ว ต่อมาก็พูดถึงช่วงเกิด bear trap และ contrary opinion ก็คือช่วงปลาย เวฟ 5 มันเป็นจุดสิ้นสุดของเวฟ C นั่นเอง
- Wave 3 4 20150111 พูดถึงช่วงที่ราคาทำเวฟ 3-4 ก็คือช่วงที่เกิด correction ทำขา a-b-c ท่านสังเกตุพบว่าในขาขึ้น มันมักจะทำ C ยกเสมอในขาขึ้น แล้วพอทำเวฟห้าก็จะขึ้นไปได้ไกลมาก (อันนี้ผมคิดว่าน่าจะเข้าสูตร strong B กับ C fail นะ) ดังนั้นแทนที่จะเป็นช่วงคืนกำไร ถ้าดูเป็น ก็สามารถทำเงินได้ เพราะจบขา C ต่อไปก็คือเวฟ 5 ที่จะไปสูงกว่ายอดเวฟสามนั่นเอง
- THAI 20150111 การนับเวฟหุ้นขาลงสุดขีดอย่าง THAI ว่ามันถึงเวลาฟื้นแล้วเพราะราคาทำคลื่น 1-2 ของ grand cycle อย่างชัดเจนและถูกต้องตามกฎทุกประการ ที่สำคัญคือการลงครั้งใหม่ ในปี 2015 ไม่ทำนิวโลว์ จึงมีโอกาสสูงที่ราคาจะ turnaround
- ChalokeDotCom analysis of OISHI 20150111 การใช้ Fibonacci วัดระดับการจบ A-B-C คือการจบเวฟสองของ super grand cycle wave และเวฟสามที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็จะสูงกว่าเวฟหนึ่งที่ผ่านมาอย่างมากมาย โดยมีวิธีการคาดหมายจุดสิ้นสุดของเวฟ 2 คือการใช้ฟีโบนาชีเช็คระดับราคาว่าลงมาที่ระดับ 78.2% ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่ควรเป็นจุดสิ้นสุดของเวฟนี้ จากนั้นก็เข้าไปดูใน time frame ย่อยเพื่อหาสัญญาณ contrary opinion เพื่อยืนยันว่าจบรอบขาลงจริงๆ
Update : 17/6/2559 ตัวอย่างการนับเวฟ
QHPF
Cdc qhpf 20150209 from chaloke
CSS
Cdc css 20150209 from chaloke
MCOT
Cdc mcot 20150209 from chaloke
MILL Peak RSI จะตรงกับเวฟสามใน timeframe ใด timeframe หนึ่ง และจุดสิ้นสุดเวฟสองคือ retracement 61.8-78.6%
Cdc mill 20150209 from chaloke
ปล. แนะนำให้ศึกษาวิธีคิดนะ เพราะหุ้นที่ท่านยกขึ้นมาเป็นเคสบางตัวก็ไม่เป็นไปตามที่คาด ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะไม่มีใครจะคาดถูกได้ตลอด (ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากเลยนะที่สื่อว่าแม้แต่ระดับปรมาจารย์ก็ยังพลาด ดังนั้นการจำกัดความเสี่ยง โดยกำหนดจุด stop loss ทุกครั้งที่เข้าเทรด มันจำเป็นอย่างยิ่ง)
แต่เหนืออื่นใดที่อยากเน้นคือให้ศึกษาทฤษฎีที่ท่านนำเสนอให้มาก ถ้าเราดูซ้ำจนจับประเด็นได้แม่น เราก็จะเอาไปใช้ได้ตลอดชีวิตเลย เพราะแม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหนตลาดก็ไม่เคยเปลี่ยน ดังที่ ลิเวอร์มอร์ บอกไว้

(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ
และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
This comment has been removed by a blog administrator.
ReplyDeleteรวบรวมได้ดีมาก อยากมาเรียน Elliott wave ตอนใหม่ไหมครับ มีทฤษฎีใหม่ๆคนพบมากมาย ที่เต็มแล้วแต่ถ้าคุณจะมาก็จะจัดที่ยืนให้ หรือถ้ามีคนไม่มาก็จะมีที่นั่ง มาเรียนแล้วจะได้เอาไปเขียนใหม่ให้ความรู้นักลงทุนเป็นวิทยาทาน
ReplyDeletewww.chaloke.com