ผมคิดว่า คุณน้ำผึ้ง สัตตารัมย์ ถือเป็นเทรดเดอร์คนแรกๆที่กล้าเปิดเผยเคล็ดลับการดู-การนับคลื่น Elliott Wave ออกสื่อฟรีๆ แถมอธิบายแบบละเอียดยิบ ซึ่งน้อยคนนักที่จะใจกว้างแบบนี้ ผมขอแสดงความคารวะและขอบคุณมาในที่นี้ด้วย ว่านายเจ๋งมาก
พอมีโอกาสทำบล็อกนี้ขึ้นมาจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะรวบรวมมาไว้ในโพสต์เดียว เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงไว้ดูซ้ำง่ายๆ
8 4 59 Stop Loss Ceiling Trader
คลิปแรกเป็นการเปิดตัวของเธอครั้งแรก จะเป็นการเล่าประวัติ life style ของเธอ ที่ล้มลุกคลุกคลาน ขาดทุนหนัก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ มุมานะศึกษาหุ้นอย่างบ้าระห่ำ จนกระทั่งคิด system trade ของตัวเองออกมาได้ และมีโอกาสได้ศึกษาอีเลียตเวฟ ทำให้ความรู้ทั้งหมดมันเติมเต็ม กระทั่งมองวงจรหุ้นมองรอบของหุ้นได้ พอศึกษาแล้วก็ได้คิดว่า "ถ้ามองอีเลียตเวฟเหมือนคนอื่น มันก็เป็นแค่ผู้ตาม หากคิดการใช้ประโยชน์เวฟในแบบของตัวเองได้จะทำให้เอาชนะตลาดได้
ข้อดีของอีเลียตเวฟที่เธอพบคือ ราคาหุ้นมันวิ่งเป็นรอบ เมื่อมีความรู้ก็จะสามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาจะไปจบรอบตรงไหน หาจุดเข้าซื้อได้ และเป้าในการขายก็ใช้ฟีโบนาชี เธอชอบลงทุนในเวฟสาม โดยเริ่มเข้าไปเก็บหุ้นที่จุดสิ้นสุดของเวฟสองซึ่งเธอเรียกว่าเวฟของเจ้ามือ สังเกตง่ายๆว่า ราคาจะลงมาเรื่อยๆ พร้อมกับวอลุ่มการซื้อขายก็แห้งลงเรื่อยๆ เธอจะใช้ความรู้ทั้งอีเลียตเวฟ-วอลุ่ม และ price action มาผสมผสานกันเพื่อหาจุดสิ้นสุดของการพักตัวทำจุดจบของเวฟสอง โดยวอลุ่มจะช่วยบอกว่าไกล้จบรอบหรือยัง แล้วเข้าไปซื้อได้หรือยัง
เธอยังพูดถึงคนคุมเกม-ทำราคาหุ้น เข้าไปสะสมหุ้นในเวฟสอง สังเกตุได้จากการทำ complex wave ประเภท double/triple three ที่เป็นลักษณะของการตบขึ้นตบลงของราคาหุ้นให้ sideway ไม่ขยับ จนถึงจุดหนึ่งที่วอลุ่มแห้ง ราคาไม่ไปไหน เวฟสองของหุ้นที่เจ้ามือเก็บของนั้นจะใช้เวลานานอาจเป็นปีๆ เนื่องจากกิจการยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูดำเนินธุรกิจในขั้นต้น-ข่าวดียังไม่ชัดเจน วิธีการเข้าซื้อของรายย่อยคือรอให้ราคายกโลว์ขึ้นไปก่อน-จะได้ไม่ต้องรอนาน
เวฟสาม มักจะยืด ถ้าเวฟสองทำ complex เอาไว้ เพราะเจ้ามือสะสมหุ้นนาน ช่วงที่จบเวฟสองต่อเวฟสามนี้เองจะมีข่าวดีออกมาเพื่อเรียกแขก ตอนนี้จะมีวอลุ่มสูงมาก ราคาอาจจะเปิด gap หรือทำแท่งเขียวยาว เพราะคนจำนวนมากเริ่มเห็นสัญญาณก็เข้ามาซื้อกันมากมาย ในเวฟนี่เราสามารถทำกำไรได้มาก เพราะราคาจะวิ่งไปได้อย่างน้อยก็ 161.8%
ที่ผ่านมาเธอทำกำไรจากหุ้นที่ทำเวฟสามยืดบางตัวเป็นหลัก 1000% ทั้งๆที่เะพื่อนร่วมก๊วนรีบขายตั้งแต่เด้งแรกๆ สาเหตุที่เธอทนถือจนได้กำไรนับสิบเด้งได้เพราะ system trade ของเธอที่ตั้งเงื่อนไขเอาไว้
สอนนับคลื่น Elliott Wave โดย คุณน้ำผึ้ง ตอนที่ 1
เป็นการพูดถึงรูปแบและพฤติกรรมของแต่ละคลื่นใน Elliott Wave เวฟหนึ่งเป็นการเริ่มฟื้นจากขาลงเพราะมีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่ามันลงมาได้ที่แล้ว ถ้าเป็นวีไอก็มองว่าราคาต่ำกว่ามูลค่ามากๆ ก็เลยเข้าไปรับซื้อ-ทำให้ราคาเด้งขึ้นไปเป็นเวฟหนึ่ง แต่เพราะราคาลงมานาน การขึ้นครั้งนี้จึงเป็นแค่การรีบาวนด์ก็เลยถูกนักลงทุนบางส่วนขายออกมากดให้ราคาลงให้เป็นเวฟสอง
เวฟสองเป็นช่วงที่ใช้เวลานานพอสมควรตั้งแต่ครึ่งปีจนถึงหลายปี เพื่อเป็นช่วงเวลาในการสะสมหุ้นเพื่อเตรียมตัวฟอร์มเป็นเวฟสาม ส่วนจะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับส่วนของพื้นฐานที่เป็นช่วงที่มีการ on process ตาม story ที่บริษัทออกข่าว ว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน คุณน้ำผึ้งก็จะเข้าไปเก็บช่วงนี้เพราะเห็นว่าราคาไม่ทำนิวโลว์ วอลุ่มเข้าแล้ว
เวฟสามเป็นเวฟมวลชน เป็นการกระตุกราคาขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่ยังไม่สนใจให้เข้ามาร่วมซื้อ จึงเป็นคลื่นที่ขึ้นแรงและเร็ว วอลุ่มซื้อขายมีจำนวนมาก หุ้นลิ่งที่เธอได้มาก็เพราะเธอเก็บตอนเวฟสองไว้ แล้วพอมัน breakout ขึ้นมาเป็นเวฟ 3 มีข้อสังเกตุคือหุ้นที่พุ่งแรงพอมันทำเวฟสามจะเริ่มต้นด้วยการเปิด gap พร้อมวอลุ่ม เรียกว่า breakaway gap เป็นตัวคอนเฟิร์มการเกิดเวฟ 3 และหุ้นลิ่งฉบับน้ำผึ้ง เธอใช้วอลุ่มเป็นตัวช่วยยืนยันว่ามันจะขึ้นจริงหรือแค่หลอก
ทริกเด็ดๆ จาก fulltime trader คุณน้ำผึ้ง สัตตารัมย์
เป็นการ Live ครั้งแรกของเธอ ที่แสดงให้เห็นภาพคลื่นแบบต่างๆ อีเลียตเวฟจะศักดิ์สิทธิ์เมื่อเอามาใช้ร่วมกับวอลุ่ม ในคลิปนี้เธอจัดเต็มเรื่องของ gap ซึ่งถือว่าครบเครื่องเอามากๆ
ทฤษฎี gap ที่เกี่ยวข้องกับเวฟ มีดังนี้
Common gap ในเวฟสอง(sideway)เป็นสัญญาณการเก็บหุ้นของเจ้ามือที่หวงของ เพราะเขาจะตบขึ้น/ลงเพื่อให้เม่าคายหุ้นคืน ยิ่งมีเยอะยิ่งน่าสนใจ gap ประเภทนี้มักจะมีการลงมาปิดในเวลาอีกไม่นาน เพราะราคายังอยู่ในกรอบ sideway เพื่อเก็บหุ้น โดยจะถูกกระชากขึ้นและตบลง เป็นรูปแบบเวฟ complex ประเภท double three
Breakaway gap เป็นการกระโดดข้ามเวฟสองเพื่อเริ่มเวฟสามที่แข็งแรง ซึ่งจะมีวอลุ่มจำนวนมาก ที่สำคัญถ้าจะไปต่อ ต้องไม่ลงมาปิด gap
ในเหตุผลของคนทำราคา ที่ต้องเปิด gap คือเหตุผลที่ว่าหุ้นจะขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีแรงซื้อมากกว่าแรงขาย หากแรงขายหมดหุ้นจะขึ้นได้แรงและเร็วเพราะเมื่อราคาหุ้นวิ่งขึ้นจะไม่มีใครขายใส่ลงมาเหลือแต่แรงซื้อเพียงอย่างเดียว
แต่หากแรงขายยังมีอยู่แล้วถึงเวลาที่หุ้นจะต้องขึ้นแล้วล่ะ #เราจะทำอย่างไรให้หุ้นขึ้นได้เร็วและแรง คำตอบคือ #เราก็ต้องทำให้คนที่คิดจะขายเปลี่ยนใจ...
วิธีการที่ง่ายสุดๆ ที่จะทำให้คนที่คิดจะขายเปลี่ยนใจ คือการทำให้ราคาหุ้นเปิดกระโดดขึ้นไปเยอะๆข้ามผ่านแนวต้านสำคัญไปเลย และหากมาพร้อมกับ Volume แล้วด้วย คนที่คิดจะขายก็จะเปลี่ยนใจเพราะในเวลานั้นก็เห็นๆอยู่ว่ามีแต่คนแย่งกันซื้อด้วย Volume ที่เยอะๆและต้นทุนสูงกว่าเราอีกและแน่นอนที่สุดเราได้กำไรแล้วจะรีบขายทำไม หุ้นเพิ่งเริ่มวิ่งหลังจากปรับฐานเอง... ส่วนใหญ่แล้วหุ้นที่เกิด break away gap จะวิ่งไปเลยโดยที่ไม่วิ่งลงมาปิด gap
Runaway/Measuring gap วัดเป้าได้เลยจากฐานถึง gap ขึ้นมาเท่าไร ราคาเป้าก็จะได้เท่านั้น วอลุ่มไม่ต้องมากก็ได้ จึงเป็นระยะกลางของเวฟ
Exshaustion gap เกิดในช่วงปลายของเวฟห้า จะมี bearish divergence จากนั้นจะเป็นช่วงรินของออก
จากตัวอย่างกราฟแรก คุณน้ำผึ้งโชว์ให้เห็น gap ที่เกิดในช่วง sideway และกลายเป็นแนวรับ ต่อมาราคาพักตัวลง แต่ไม่หลุดลงไปปิด gap จึงตีความว่าต่อไปน่าจะวิ่งแรง และก้เป็นจริงดั่งคาด เมื่อสัปดาห์ต่อมาราคาก็เปิด breakaway gap ข้ามกรอบ sideway ขึ้นไปได้
สอนนับคลื่น Elliott Wave โดย คุณน้ำผึ้ง ตอนที่ 2
อีเลียตเวฟ ช่วยให้เรารู้รอบการซื้อและรอบการขาย การดูวอลุ่มประกอบจะช่วยให้เราจับสัญญาณการขึ้นและลงตามรอบเวฟได้ โดยเวฟหนึ่งวอลุ่มจะเข้ามา แล้วเวฟสองวอลุ่มแห้ง(ราคาก็ลดลงแต่ไม่ทำนิวโลว์ คุณน้ำผึ้งจะเข้าไปเก็บช่วงนี้) แล้วเวฟสามกระตุกขึ้นมาพร้อมวอลุ่มมากที่สุดและราคาก็วิ่งแรงไปหาเป้าฟีโบนาชีซึ่งสามารถไปได้เป็นพันเปอร์เซ็นต์ถ้าเป็นเวฟสามยืดเพราะมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง
จากกราฟหุ้น GREEN เธอบอกว่าเข้าซื้อตอนที่ราคากระตุกเพื่อทำเวฟสามและก็ซื้อเพิ่มตอนที่มันพักตัวลงมาวอลุ่มแห้ง(ซึ่งมันก็คือเวฟสองนั่นเอง)
ที่เวฟสามมีวอลุ่มซื้อขายจำนวนมาก เพราะเป็นช่วงที่ข่าวดีออกมาต้นเทรนด์ สตอรี่ที่มาจากเวฟสองเริ่มออกดอกออกผล ทำให้งบออกมาดีขึ้น
หรืออีกแบบคือ การเกิดเวฟสามที่มาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ เพราะมีความคาดหวังในทางที่ดีขึ้น จึงเกิดการเก็งกำไรตามข่าวกัน
และเรื่องข่าวนี้เอง คุณน้ำผึ้งให้ข้อสังเกตุว่า ข่าวจะออกมาสองช่วง คือต้นเทรนด์(คือช่วงที่ราคาอยู่ในช่วงต่ำๆ = เวฟ 3) กับปลายเทรนด์(ราคาอยู่ที่สูงๆ = เวฟ 5 ปล่อยข่าวดีเพื่อขายหุ้น) ดังนั้นถ้าดูกราฟเป็นจะช่วยได้มาก
การกดการรีดหุ้น จากตัวอย่างหุ้น GL ซึ่งมี gap ต้นเทรนด์ และก่อนที่จะเปิดโดดพร้อมวอลุ่ม ราคาก็ทำเวฟสองอย่างชัดเจน พอราคาขึ้นไปทำเวฟสามแล้วจะมีอาการตบขึ้นตบลงอย่างชัดเจน แต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นเลยว่าราคายกไฮยกโลว์ขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นจุดที่ราคาโดนตบลงและวอลุ่มไม่ออก-จึงเป็นจังหวะซื้อที่ดีมาก
สอนนับคลื่น Elliott Wave โดย คุณน้ำผึ้ง ตอนที่ 3 ทฤษฏีห่านบิน
ในทางหุ้นนั้น ทฤษฏีห่านบิน ก็คือหุ้นตัวนำในกลุ่มอุตสาหกรรมไหนวิ่งก่อน สักพักตัวอื่นในอุตสาหกรรมที่มีสินค้า/บริการ/โมเดลธุรกิจแบบเดียวกัน-ก็จะวิ่งตาม อาทิกลุ่มเดินเรือ ถ้า TTA วิ่งนำ สักพัก PSL, JUTHA ก็ต้องวิ่งตาม ดังนั้น-หากเราเข้าซื้อ TTA ที่ทำเวฟสามไปแล้วไม่ทัน ก็ควรไปเปิดกราฟ PSL กับ JUTHA ดูว่าทำเวฟสองรอขึ้นเวฟสามอยู่หรือไม่ ถ้าใช่ ก็เข้าซื้อได้
สอนนับคลื่น Elliott Wave โดย คุณน้ำผึ้ง ตอนที่ 4 วิเคราะห์ข่าว
ข่าวกับเวฟขาขึ้น ยกตัวอย่างการบินไทย ที่มีการออกข่าวว่าจะพ้นวิกฤติและจะพลิกกำไร ก่อนหน้านี้เธอก็เปิดกราฟดูสัญญาณทางเทคนิคก็พบว่าราคาไม่ทำนิวโลว์แถมยกโลว์ขึ้นด้วย การที่ข่าวออกมาในช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นข่าวต้นเทรนด์-ถือเป็นสัญญาณซื้ออีกแบบหนึ่ง เพราะมักจะเกิดช่วงปลายเวฟสองต่อเวฟสาม การที่ข่าวออกตอนนี้ก็เพราะต้องการกระตุ้นให้แรงซื้อมีความมั่นใจไล่ซื้อจนเอาชนะแรงขายได้ วันต่อมาก็เกิด gap up พร้อมวอลุ่มสูงปรี๊ดทันที จึงเป็นตัวยืนยันของการเริ่มต้นทำเวฟสามที่แข็งแรงตั้งแต่นั้นมา
การเก็บหุ้นที่ราคาต่ำๆนั้นสามารถทำได้ เพียงแต่เรารู้ว่าราคามันทำ bottom จบรอบเวฟไปแล้ว และกำลังเริ่มรอบใหม่
ข้อระวังในการซื้อตามข่าว คือต้องคิดให้ดีและมั่นใจว่าผู้ให้ข่าวนั้นต้องมีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับการดูกราฟเป็น จะช่วยให้เราทำกำไรได้
คุณน้ำผึ้งเป็นคนที่ขยันมาก เธอจะทำลิสต์หุ้นที่อยู่ในขาลงทั้งหมด และทำการบ้านว่าราคามันลงจนจบรอบเวฟแล้วหรือยัง เมื่อประกอบกับการตามข่าวตลอดก็จะทำให้เธอเจอโอกาสซื้อที่ได้ราคาดีกว่าคนอื่นๆ เพราะถ้าข่าวมาพร้อมกับเทคนิคอลที่จบรอบคลื่นและกำลังรอยิงเวฟสาม-ถือว่าเป็นข่าวดีต้นเทรนด์อันเป็นสัญญาณซื้อที่ได้เปรียบมากๆ
อีกเคสคือ SOLAR เป็นการสื่อถึงข่าวที่ออกมาตอนปลายเทรนด์ จากนั้นราคาก็ขึ้นไปอีกไม่มาก ซึ่งเป็นการเข้าซื้อที่ยอดดอยนั่นเอง ข่าวเป็นองค์ประกอบรอง ที่จะเป็นสตอรี่สนับสนุนให้คนเข้ามาเก็งกำไร ตัวหลักที่เธอใช้คือเทคนิคอล-ดูเวฟเป็นหลักว่าจบรอบหรือยัง เป็นต้นเทรนด์หรือปลายเทรนด์ เธอบอกว่ายังนับเวฟทุกวัน การดูเวฟของเธอจะตรวจทั้งภาพใหญ่และเล็ก ภาพใหญ่(weelky/daily)ใช้ดูรอบเหมือนแผนที่ แต่ภาพเล็ก(60-30-15-5 นาที)ใช้หาจุดเข้าซื้อที่ถูกจังหวะ/หรือยังไม่ถึงเวลาเข้า ฟังดูเหมือนยาก แต่ถ้าคุณฝึกฝนจนมีทักษะเชี่ยวชาญแล้ว การมองปราดแค่วินาทีก็พอรู้แล้วล่ะว่ามันอยู่เวฟไหน รู้อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเข้าใจ และฝึกให้เกิดทักษะ
สอนนับคลื่น Elliott Wave โดย คุณน้ำผึ้ง ตอนที่ 5 วิกฤตเศรษฐกิจ
จากคลิปนี้เราจะได้เห็นการนับคลื่นจากการมองภาพใหญ่ จะได้รู้ว่าเขากำหนดจุดสุดท้ายของเวฟยังไง ในช่วงที่วิกฤติเราจะได้ราคาหุ้นที่มีพื้นฐานดีแต่ราคาถูกมากๆ เธอบอกว่ายังมีหุ้นไทยบาง sector บางหมวดถ้าไปเจาะสตอรีดีๆ มีหลายตัวทำ bottom ของเวฟสองแล้ว มีทั้งกำลังจะจบ หรือบางตัวก็กำลังฟอร์มเวฟสามพร้อมจะระเบิด เธอคิดว่าไม่น่าเกินปีสองปีนี้จะมีหุ้นประเภทหลาย 10 เด้ง กำลังจะกลับมาอีกครั้ง เพราะตามที่เธอเช็คกราฟและสตอรี่แล้วพบว่ามีเกือบ 20 กว่าตัว โรงพยาบาลเป็นปลายเทรนด์แล้ว กำลังขึ้นเวฟห้า
เรียนรู้ Price Pattern กับ Elliott Wave
คุณน้ำผึ้งเชื่อว่าตลาดหุ้นเป็นเรื่องของ money game การที่หุ้นจะขึ้นได้ต้องมีช่วงสะสมของก่อนในรูปแบบของ double bottom กับ triple bottom หรือ inverse head and shoulder หรือ dragon pattern และ cup with handle
และก่อนที่หุ้นจะลงก็จะมีการรินขายของ ทำให้เกิดรูปแบบราคา double top, triple top, head and shoulder พวกนี้จะเกิดขึ้นพร้อมสัญญาณ bearish divergence ตัวอย่างเช่นหุ้นขึ้นไปทำเวฟสามที่ 3 บาท ต่อมาย่อทำเวฟสี่ที่ 2.50 ต่อมาราคาวิ่งขึ้นไปชน 3 บาทแต่ไม่ผ่านพร้อมกันนั้น RSI ก็ยกยอดต่ำลง ถ้าเจอแบบนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าน่าจะจบรอบ
Head and shoulder ประกอบด้วยใหล่ซ้าย หัว และ ไหล่ขาว ตามลำดับ ถ้าเอาอีเลียตเวฟมาจับก็จะได้ว่าไหล่ซ้าย คือเวฟสาม แล้วจุดสูงสุดของ pattern ที่เรียกว่าหัวก็คือเวฟห้า ส่วนไหล่ซ้ายที่เหลือก็คือเวฟ B นั่นเอง มันก็คือรูปแบบกลับตัวจากจุดสูงสุด อันเป็นจุดจบของแนวโน้มขาขึ้นนั่นเอง
Dragon Pattern เป็น pattern ที่นักลงทุนชอบมองหากันเยอะ เพราะเป็นสัญญาณของการเป็นขาขึ้นรอบใหม่ คุณน้ำผึ้งบอกว่ามันก็คือคลื่นสุดท้ายเพื่อจะจบรอบของขาลง-แล้วก็จะเริ่มเป็นขาขึ้นรอบใหม่ ส่วนประกอบของมันก็มี หัวมังกร(1C) คอ(2C) ขาหน้า(3C) หลังมังกร(4C) และขาหลัง(5C) โดยมีข้อสังเกตุที่น่าสนใจว่า ถ้าขาหลังไม่ลงลึกไปเท่าขาหน้า จะเป็นสัญญาณ bullish มากๆ คนทั่วไปเมื่อเจอรูปแบบนี้จะหาจุดซื้อโดยการลาก trendline พาดจากหัวผ่านหลังลงมาดักไว้ ถ้าราคาผ่านเส้นนี้ก็เข้าซื้อ แต่โดยส่วนตัวของคุณน้ำผึ้งแล้วเธอจะซื้อก่อนตรงที่ขาหลัง-โดยเธอจะใช้การวัดดูว่ามันจบรอบ 5C หรือยังถ้าจบก็ซื้อตรงจุดนั้นเลย
Cup with handle นี่ก็เป็นอีกรูปแบบที่ใช้หาจุดจบของขาลง เพราะมันคือการทำเวฟหนึ่งที่ขอบถ้วย พอมันลงมาถึงจุดต่ำสุดก็คือเวฟสอง จากนั้นเมื่อราคาฟื้นตัวขึ้นไปทำขอบอีกข้างก็จะเป็นการฟอร์มตัววิ่งเป็นเวฟสาม โดยก่อนที่จะผ่านไฮเดิมคือยอดของเวฟหนึ่งราคาก็จะย่อตัวลงทำเป็น sub wave ของเวฟสามก่อน แล้วค่อยกระชากขึ้นไปทำให้จบคลื่น ตัวอย่างในอดีตคือ TIPCO ที่เธอได้เข้าซื้อตอนที่มันย่อลงมาทำหูถ้วยราคาประมาณ 12 บาท เพราะได้ลองวัดฟีโบดูก็พบว่ามันลงมาได้ที่แล้วก็เลยเข้าซื้อ โดยคำนวนเป้าหมายราคาแบบง่ายๆคือ เอาค่าส่วนสูงจากเวฟหนึ่งลงมาหาเวฟสองเป็นระยะอ้างอิงว่าราคาควรจะไปได้ถึงระดับความสูงนั้น-ก็เลยได้ขายที่ราคา 22 บาท เธอบอกอีกว่าถ้าคนที่มีความรู้อีเลียตเวฟก็จะไปเก็บที่ก้นคือตอนที่มันจบเวฟสองคือไม่ได้ทำนิวโลว์-แต่ถ้าไม่ทันตอนนั้นก็ไปรอซื้อตอนย่อในช่วงหูถ้วยแบบเธอ
Double bottom มองในรูปเวฟก็คือการทำขา 3C กับ 5C นั่นเอง การเด้งครั้งต่อไปก็คือการทำขาขึ้นรอบใหม่ คนที่เล่นเขาจะดูว่าการลงครั้งที่สองถ้าไม่หลุดโลว์เดิมก็ซื้อ-ถ้าขึ้นก็ได้ของถูก แต่หากหลุดก็ขายทิ้งเท่านั้นเอง
Triple Bottom คล้ายตัวที่ผ่านมา แต่ลงมาทดสอบแนวรับสามครั้ง หากพบว่า RSI bullish divergence แถมวอลุ่มเข้ามา support ด้วย ก็จะเป็นตัวยืนยันว่าการกลับตัวมีโอกาสสูง เมื่อมองในมุมของอีเลียตเวฟก็บอกได้ว่าเป็นการจบ corrective แล้วต่อไปก็จะเป็นการทำ impulse ขึ้นไป
(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ
และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า